ร้าน สุริยะศรีพระเครื่อง
www.suriyasri.99wat.com
0641462827
pg3573

พระสวยพระแท้...บริการด้วยมิตรภาพและความจริงใจ

ให้เช่า จัดหา วัตถุมงคลและเหรียญคณาจารย์สายอีสานทั้งเก่าและใหม่ และพร้อมพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ แนะนำ ติชมได้ สนใจส่งเมล์สอบถามพูดคุยกันได้ครับ ผมตั้งใจคัดสรรแต่พระแท้ พระสวย มาให้ท่านได้เก็บสะสมกัน มั่นใจได้ว่าท่านจะได้พระแท้ พระสวยแน่นอน...ครับ รับประกันแท้ตลอดชีพครับจัดส่งems ฟรี!ทุกรายการครับผู้ที่สนใจพระเครื่อง กรุณาติดต่อสอบถามที่เบอร์ 0641462827 ตั้งแต่เวลา 12.00 - 20.00 ขอบคุณมากครับ 

 
เหรียญหลวงพ่อเส็ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กรุงเทพ ปี ๒๕๑๑


  ส่งข้อความ

ชื่อร้านค้า
สุริยะศรีพระเครื่อง
โดย
Leksoi8
ประเภทพระเครื่อง
พระเกจิทั่วไป
ชื่อพระ
เหรียญหลวงพ่อเส็ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กรุงเทพ ปี ๒๕๑๑
รายละเอียด
เหรียญหลวงพ่อเส็ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กรุงเทพ ปี ๒๕๑๑

ประวัติ หลวงปู่เส่ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เจ้าพิธีตำรับน้ำมนต์บัวลอย

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชื่อดังแห่งฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเลื่องลือระบือไกลด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของ "พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต" (ซำปอกง) ซึ่งมากด้วยอภินิหารเท่านั้น ทว่า อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ล้วนมากมีไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสายวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมที่สูงส่ง หนึ่งในนั้นก็คือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม อินทโชติ) หรือ "เจ้าคุณพรหม" พระเกจิอาจารย์ที่เก่งทางวิชาอาคมขลัง เจ้าของพระปรกใบมะขามอันลือลั่นสนั่นกรุง

ท่านมีศิษย์เอกองค์สำคัญ ที่สร้างชื่อเสียงและความเจริญให้แก่วัดกัลยาณ์อย่างมากคือ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" หรือสมญานามที่บรรดาศิษย์กล่าวขานถึงด้วยความเคารพว่า "หลวงปู่เส่ง โสภโณ"

แม้ท่านจะอยู่ในฐานะพระลูกวัด แต่มีผู้คนให้ความเคารพศรัทธามากมาย เนื่องจากต่างเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าคุณพรหม อีกทั้งเลื่อมใสในความเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาบารมีโดยแท้ ท่านมรณ ภาพไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2526 สิริอายุได้ 92 ปี 7 เดือน 4 วัน นับพรรษาได้ 72 พรรษา รวมเวลากว่า 20 ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในคุณงามความดีของท่านไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาว บ้าน

"หลวงปู่เส่ง" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2434 ที่บ้านย่านปากคลองตลาด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรของนายเพี้ยน และนางแดง นามสกุล "เปี๊ยนสู่ลาภ" มีพี่น้องร่วมท้องเดียว กัน 3 คน ท่านเป็นคนโต สมัยที่ยังเยาว์วัย วัดกัลยาณมิตรซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปากคลองตลาด มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งมีบารมีทางธรรมสูงและมีความเชี่ยวชาญทาง ด้านพระวิปัสสนาธุระ-วิทยาคมคือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม) เมื่อครั้งยังเป็นพระครูพินิตวิหารการ

กิตติคุณทางไสยศาสตร์ของ ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของมหาชนจำนวนมาก จึงต่างพากันมาขอของดีและฝากตัวเป็นศิษย์ มีทั้งระดับชาวบ้านธรรมดาและชาววัง อาทิ พระยาศิริชัยบุรินทร์, พระยาสิงหเสนีย์, พระยาสุรเทพศักดิ์, พระยามนตรีสุริยวงศ์ และขุนหลวงพระยาไกรสีห์ (เปล่ง เวภาระ) เป็นต้น

โยมบิดามารดาของหลวง ปู่เส่ง ก็เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่พากันมาฝากตัวเป็นสานุศิษย์ในท่านเจ้าคุณพระสุนทร สมาจาร (พรหม) ทำให้ท่านได้ติดสอยห้อยตามเข้าวัดอยู่บ่อยครั้ง อาศัยที่ท่านมีใจฝักใฝ่ในทางธรรม-รักความสงบชอบความสันโดษ จึงเกิดความพอใจความสงบวิเวกภายในบริเวณวัด โดยมีคำบอกเล่าต่อๆ มาว่า ท่านมักจะหนีออกจากบ้านข้ามฟากมาวัดกัลยาณ์บ่อยๆ เพื่อหนีสภาพความสับสนวุ่นวายในย่านปากคลองตลาด

บางครั้งก็แอบไป นั่งสมาธิทำความสงบในป่าช้าคนเดียว ซึ่งป่าช้านั้นติดอยู่กับด้านหลังของคณะ 4 อันเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม)

ในขณะนั้น บิดามารดาเห็นว่าท่านไม่มีอุปนิสัยไปในทางค้าขาย ใฝ่ใจไปในทางธรรม จึงนำบุตรชายไปมอบถวายตัวเป็นสานุศิษย์ของเจ้าคุณพรหม

กระทั่ง อายุ 14 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี ตรงกับปีพ.ศ. 2455 ณ วัดกัลยาณมิตร โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธัมมสิริ) วัดอรุณราช วราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมเทศา จารย์ (มุ้ย ธัมมปาโล) วัดราชโอรสาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสุนทรสมาจาร (พรหม) วัดกัลยาณมิตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "โสภโณ"

สำหรับตำแหน่ง สมณศักดิ์ เดิมได้รับตำแหน่งเป็นพระฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม) เป็นพระปลัด ปีพ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท (จปร.) ที่ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" และอยู่ในสมณศักดิ์เดิมตราบจนสิ้นอายุขัย

ตลอดระยะเวลาที่ดำรง ตำแหน่งพระปลัดนั้น หลวงปู่เส่งได้มีส่วนช่วยท่านเจ้าคุณพรหม ในด้านการพัฒนาต่างๆ เพราะพระอาจารย์ของท่านนอกจากจะเป็นพระเถระที่ทรงคุณธรรมในด้านพระวิปัสสนา ธุระและวิทยาคม ยังเป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญอีกด้วย

สิ่งที่ "ท่านเจ้าคุณพรหม" สร้างสรรค์ไว้และได้กลายมาเป็นอนุสรณ์อันสำคัญยิ่งก็คือ การที่จัดหล่อระฆังใบใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2474 ซึ่งต่อมาปรากฏตามหลักฐานประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรได้จารึกไว้ว่า "เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย"

ภายหลังจากที่ท่านเจ้าคุณพรหมมรณภาพปี พ.ศ.2476 "หลวงปู่เส่ง" ได้รับภาระการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2478 ทำพิธีนำระฆังไปประดิษฐานและฉลองเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2478 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเป็นประธาน

เนื่องจากท่านใช้เวลาส่วนมากในการช่วยงานพระอาจารย์พัฒนาวัด จึงไม่มีเวลาไปศึกษาทางด้านปริยัติธรรมอย่างจริงจัง ต้องอาศัยเวลาในยามว่างเล่าเรียนธรรมและวิทยาคมจากท่านเจ้าคุณพรหม แต่เป็นการเรียนเพื่อรู้ ไม่ได้เข้าสอบไล่ในสนามหลวงเอาใบประกาศวุฒิบัตร จึงเป็นไปในลักษณะเรียนรู้หลักธรรมเล่านั้น เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติได้ถูกต้องตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ปริยัติ-ปฏิบัติ-และปฏิเวธ

ส่วนทางด้านวิปัสสนาธุระและวิทยาคมนั้น เข้าใจว่าท่านเจ้าคุณพรหมคงจะถ่ายทอดให้หมด เพราะท่านเป็นสานุศิษย์เพียงรูปเดียว ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดตลอดมา แต่เนื่องด้วย อุปนิสัยที่สุขุมนุ่มนวลของท่าน ไม่ชอบโอ้อวด ไม่ค่อยแสดงออก จึงไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไรนัก

ทั้งนี้ ปฏิปทาของหลวงปู่เส่งจะหนักไปในทาง "เมตตาธรรม" เป็นหลักใหญ่ ดังจะเห็นได้จากการที่ใครมีทุกข์เดือดร้อน เมื่อบากหน้ามาหา ท่านก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือกับใครเลย ถ้าขอเป็นเงินท่านก็ให้เป็นเงินสงเคราะห์ไป ถ้าขอเป็นสิ่งของท่านก็ให้เป็นสิ่งของ บางรายที่ได้ทราบว่าท่านคือศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าคุณพรหม ผู้เรืองวิทยาคม ก็จะพากันมาขอรับน้ำมนต์-น้ำพร ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา ฉลองศรัทธาทำให้ทุกๆ รายไป

นานวันเข้า คำร่ำลือในความศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่เส่งปลุกเสกก็แผ่ออกไปในวงกว้างมากขึ้นทุกที จึงมีมหาชนเป็นจำนวนมากแห่กันมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น ถึงยามวิกาล ทำให้ท่านเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมขลังไปในทางปลุกเสก น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย ปล่อยเคราะห์ไปโดยเหตุดังที่กล่าวมา

สาเหตุที่เรียก "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" ปล่อยเคราะห์ ก็เพราะว่าผู้ที่ต้องการน้ำมนต์-น้ำพรจากหลวงปู่เส่งจะต้องนำดอกบัวขาว 3 ดอกเทียนขาว 1 เล่ม มาให้หลวงปู่เส่งท่านทำพิธีปลุกเสกให้ที่บาตรน้ำมนต์ แล้วท่านจะรด "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" นั้นให้ เสร็จแล้วท่านก็จะให้ดอกบัวขาว 2 ดอกนั้น แก่ผู้ที่นำมา นำดอกบัวขาวที่หักก้านออกแล้ว 1 ดอกไปลอยลงในแม่พระคงคาเพื่อปล่อยเคราะห์เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับวิทยาคมด้านอื่นๆ เนื่องจากท่านเป็นพระสมถะที่ไม่ค่อยแสดงออก จึงมักปรากฏผลและทราบก็แต่เฉพาะผู้ที่ท่านสงเคราะห์ไปให้เป็นรายๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ท่านได้ใช้เวลาว่างทำผ้ายันต์แจกศิษย์ โดยเขียนลงบนผืนผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสจารอักขระขอมและยันต์ต่างๆ ด้วยมือของท่านเองทุกๆ ผืน

ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างแจกแก่บรรดาศิษย์ทั่วไปในวาระต่างๆ มีพระสมเด็จ ปางสมาธิเนื้อผง พิมพ์ทรงฐาน 5 ชั้น, พระหลวงพ่อโตปางมารวิชัย เนื้อดินเผา พระนาคปรกเมล็ดข้าวเม่าหรือใบมะขามเนื้อทอง แดง-ทองเหลือง, พระเกศทองคำปางสมาธิ เนื้อเมฆพัด พระพิมพ์ขุนแผนปางมารวิชัย เนื้อผง และผ้ายันต์รูปสี่เหลี่ยม กว้างและยาวด้านละ 9 นิ้ว เหรียญรูปเหมือน มีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันไป เช่น เหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดง, เนื้อทองแดงชุบนิกเกิล, เหรียญรูปใบเสมาเนื้อทองแดง, เหรียญรูปอาร์มเนื้อทองแดง เงิน และทองคำ (ฉลองอายุ 80 ปี) เหรียญรูปไข่ (เหรียญ 2 หน้า) เนื้อทองแดงรมดำ ลักษณะคล้ายเหรียญเจ้าคุณพรหม

วัตถุมงคลของ "หลวงปู่เส่ง โสภโณ" วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ เล่าขานกันว่า ทรงคุณวิเศษทางเมตตามหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาดจากสรรพภัยทั้งปวง และเป็นที่หวงแหน-เสาะหาในหมู่ลูกศิษย์อยู่เสมอ
ราคา
-
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
-
ID LINE
pg3573
จำนวนการเข้าชม
3,434 ครั้ง
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
ธนาคารไทยพาณิชย์ / 393-2-087xx-x

แสดงความคิดเห็น